คำถามที่พบบ่อย
Frequently Asked Questions (FAQ)
ทำไมต้องเป็นครู AMI?
ในห้องเรียนมอนเทสซอริ หลักการสำคัญคือการสร้าง “สภาพแวดล้อมที่ตอบสนอง” เพื่อให้เด็กแต่ละคนค้นพบและพัฒนาศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่ ครู AMI จึงไม่ใช่เพียงผู้สอน แต่เป็น “ผู้นำทาง” ที่ช่วยเด็ก ๆ ให้ค้นพบเส้นทางของตนเองในการเป็นบุคคลที่มีความสามารถและสมดุลทั้งด้านอารมณ์ สังคม และสติปัญญา
ข้อดีของการเป็นครูที่ได้รับการรับรองจาก AMI:
ข้อดีของการเป็นครูที่ได้รับการรับรองจาก AMI:
- เข้าใจลึกซึ้งถึงพัฒนาการของเด็กในแต่ละช่วงวัย
- สร้างห้องเรียนที่เด็กได้ลงมือทำจริง เรียนรู้ตามจังหวะของตัวเอง และสนุกไปกับการเรียน
- ปลูกฝังความเป็นผู้นำ วินัยในตนเอง และความรับผิดชอบผ่านการเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกับความสนใจของเด็ก
- ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดจนได้ประกาศนียบัตรคุณภาพสูงที่ได้รับการยอมรับทั่วโลก
- มีเครือข่ายระดับนานาชาติที่ช่วยสนับสนุนและพัฒนาความเป็นครูมอนเตสซอรี่ให้ดียิ่งขึ้น
ประกาศนียบัตร AMI คืออะไร?
ประกาศนียบัตรจากสมาคมมอนเทสซอริ อินเตอร์เนชั่นแนล (AMI) ไม่เพียงเป็นที่ยอมรับในระดับโลก แต่ยังสะท้อนถึงความเชี่ยวชาญที่เข้มงวดและความซื่อตรงต่อแนวทางดั้งเดิมของมอนเทสซอริ นอกจากนี้ ยังเปิดประตูสู่โอกาสทางอาชีพมากมาย ทั้งในบทบาทครู นักวิจัย ผู้บริหาร หรือแม้กระทั่งผู้ฝึกอบรมครู
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลก
การเป็นครู AMI ไม่ได้หมายถึงการสอนเพียงในห้องเรียน แต่คือการสร้างอนาคตของเด็ก ๆ และช่วยให้พวกเขาค้นพบความสุขในชีวิต ผ่านการเรียนรู้ที่แท้จริง
“ครูต้องสอนเธอ ปลูกเมล็ดพันธุ์แล้วหายไป สังเกตและรอ” — มาเรีย มอนเทสซอริ
เริ่มต้นเส้นทางของคุณวันนี้
ช่วยให้เด็ก ๆ ค้นพบตัวเองและสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอบรมครู AMI ได้ที่:
Become an AMI Teacher: https://montessori-ami.org/training-programmes/become-ami-teacher
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลก
การเป็นครู AMI ไม่ได้หมายถึงการสอนเพียงในห้องเรียน แต่คือการสร้างอนาคตของเด็ก ๆ และช่วยให้พวกเขาค้นพบความสุขในชีวิต ผ่านการเรียนรู้ที่แท้จริง
“ครูต้องสอนเธอ ปลูกเมล็ดพันธุ์แล้วหายไป สังเกตและรอ” — มาเรีย มอนเทสซอริ
เริ่มต้นเส้นทางของคุณวันนี้
ช่วยให้เด็ก ๆ ค้นพบตัวเองและสร้างโลกที่ดียิ่งขึ้น
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการอบรมครู AMI ได้ที่:
Become an AMI Teacher: https://montessori-ami.org/training-programmes/become-ami-teacher
ทำไมต้องเลือกการศึกษาแบบมอนเทสซอริสำหรับลูกของเรา
🌏การศึกษาแบบมอนเตสซอรี่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่ “การเรียนรู้ในห้องเรียน” แต่เป็นการพัฒนาเด็กอย่างครบถ้วน ทั้งด้านร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา เพื่อให้เด็กๆเติบโตเป็นบุคคลที่มีศักยภาพ มีความสุข และสามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับสังคมรอบตัว
🌟มอนเทสซอริ: การศึกษาที่เปลี่ยนโลก🌎
แนวทางการศึกษานี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ ผู้เชื่อมั่นในพลังของการศึกษาว่าเป็น “กุญแจ”สำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคม เธอใช้ทั้งชีวิตในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนของเด็ก ๆ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กๆ
กว่า 90 ปีที่ผ่านมา สมาคมมอนเทสซอริ อินเตอร์เนชั่นแนล (AMI) ได้ทำหน้าที่สืบสานมรดกนี้ผ่านการทำงานร่วมกับศูนย์ฝึกอบรม โรงเรียนในเครือ และนักการศึกษาทั่วโลก เพื่อให้ิแนวทางนี้เข้าถึงชุมชนได้มากขึ้น
มอนเทสซอริในมุมมองสากล
ในปี 2020 BBC StoryWorks ได้ถ่ายทอดแนวทางมอนเทสซอริผ่านเรื่องราวในโรงเรียนสองแห่งที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นว่าแนวทางการศึกษาแบบมอนเทสซอริไม่เพียงสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก แต่ยังส่งผลดีต่อชุมชนโดยรวม
คุณสามารถชมเรื่องราวนี้ได้ที่:
🌟มอนเทสซอริ: การศึกษาที่เปลี่ยนโลก🌎
แนวทางการศึกษานี้ถูกพัฒนาขึ้นโดย ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ ผู้เชื่อมั่นในพลังของการศึกษาว่าเป็น “กุญแจ”สำคัญในการเปลี่ยนแปลงสังคม เธอใช้ทั้งชีวิตในการสนับสนุนสิทธิมนุษยชนของเด็ก ๆ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กๆ
กว่า 90 ปีที่ผ่านมา สมาคมมอนเทสซอริ อินเตอร์เนชั่นแนล (AMI) ได้ทำหน้าที่สืบสานมรดกนี้ผ่านการทำงานร่วมกับศูนย์ฝึกอบรม โรงเรียนในเครือ และนักการศึกษาทั่วโลก เพื่อให้ิแนวทางนี้เข้าถึงชุมชนได้มากขึ้น
มอนเทสซอริในมุมมองสากล
ในปี 2020 BBC StoryWorks ได้ถ่ายทอดแนวทางมอนเทสซอริผ่านเรื่องราวในโรงเรียนสองแห่งที่รัฐมินนิโซตา สหรัฐอเมริกา ภาพยนตร์นี้แสดงให้เห็นว่าแนวทางการศึกษาแบบมอนเทสซอริไม่เพียงสนับสนุนพัฒนาการของเด็ก แต่ยังส่งผลดีต่อชุมชนโดยรวม
คุณสามารถชมเรื่องราวนี้ได้ที่:
เลือกแนวทางการศึกษา มอนเทสซอริ เพื่ออนาคตของลูกเรา
ให้ลูกของเราได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เคารพและสนับสนุนพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กอย่างเต็มที่ เพราะการศึกษาที่ดีไม่ใช่แค่ความรู้ในตำรา แต่คือการสร้างคนที่พร้อมเติบโตและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้
https://montessori-ami.org/montessori-education
ให้ลูกของเราได้เรียนรู้ในสภาพแวดล้อมที่เคารพและสนับสนุนพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กอย่างเต็มที่ เพราะการศึกษาที่ดีไม่ใช่แค่ความรู้ในตำรา แต่คือการสร้างคนที่พร้อมเติบโตและสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับโลกใบนี้
https://montessori-ami.org/montessori-education
การเตรียมเด็กๆให้เติบโตสู่ชีวิตที่เปี่ยมด้วยรัก ใส่ใจ และเอื้ออาทร
“ทุกวันนี้ เราต้องการการศึกษาที่มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นมนุษย์และการสร้างสิ่งดี ๆ ที่ยิ่งใหญ่ เพราะความรู้เพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอ การศึกษาคือการมองไปที่เด็กและถามตัวเองว่า ด้วยสิ่งที่เรามีอยู่ เราจะสร้างสิ่งที่จะช่วยให้เด็กๆเติบโตและงอกงามได้อย่างไร”
การศึกษาแบบมอนเทสซอริไม่ได้เน้นเพียงการสร้างความรู้ในตำรา แต่เป็นการปลูกฝังคุณค่าความเป็นมนุษย์ ผ่านการพัฒนาความสามารถในการดูแลตัวเอง ดูแลผู้อื่น และเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ในแบบที่เปี่ยมด้วยความรักและความเข้าใจ
มอนเทสซอริ: การเรียนรู้ที่ส่งเสริมหัวใจแห่งความรัก ใส่ใจ และเอื้ออาทร
ด้วยสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพัฒนาการที่สมดุล เด็ก ๆ ในห้องเรียนมอนเทสซอริได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้จากความสนใจของตนเอง และฝึกฝนความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นผ่านการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือกันในชุมชนเล็ก ๆ ที่เรามักเรียกว่าบ้านของเด็ก
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจ แต่ยังเป็นผู้ที่มีหัวใจพร้อมจะแบ่งปันและช่วยเหลือสังคม เป็นความงอกงามของสิ่งดีงาม
ชมวิดีโอแห่งแรงบันดาลใจ
ร่วมชมวิดีโอสุดพิเศษที่ผลิตร่วมกับ BrightVibes ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่แนวทางการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่ช่วยเตรียมเด็ก ๆ ให้เติบโตสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยรักและความใส่ใจเอื้ออาทร
การศึกษาแบบมอนเทสซอริไม่ได้เน้นเพียงการสร้างความรู้ในตำรา แต่เป็นการปลูกฝังคุณค่าความเป็นมนุษย์ ผ่านการพัฒนาความสามารถในการดูแลตัวเอง ดูแลผู้อื่น และเชื่อมโยงกับโลกใบนี้ในแบบที่เปี่ยมด้วยความรักและความเข้าใจ
มอนเทสซอริ: การเรียนรู้ที่ส่งเสริมหัวใจแห่งความรัก ใส่ใจ และเอื้ออาทร
ด้วยสภาพแวดล้อมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนพัฒนาการที่สมดุล เด็ก ๆ ในห้องเรียนมอนเทสซอริได้รับการส่งเสริมให้เรียนรู้จากความสนใจของตนเอง และฝึกฝนความเห็นอกเห็นใจผู้อื่นผ่านการทำงานร่วมกันและการช่วยเหลือกันในชุมชนเล็ก ๆ ที่เรามักเรียกว่าบ้านของเด็ก
สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความมั่นใจ แต่ยังเป็นผู้ที่มีหัวใจพร้อมจะแบ่งปันและช่วยเหลือสังคม เป็นความงอกงามของสิ่งดีงาม
ชมวิดีโอแห่งแรงบันดาลใจ
ร่วมชมวิดีโอสุดพิเศษที่ผลิตร่วมกับ BrightVibes ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการที่แนวทางการศึกษาแบบมอนเตสซอรี่ช่วยเตรียมเด็ก ๆ ให้เติบโตสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยรักและความใส่ใจเอื้ออาทร
เพราะโลกที่ดีกว่าเริ่มต้นที่การศึกษา
ช่วยเด็ก ๆ ให้เติบโตไปพร้อมกับหัวใจที่เปิดกว้าง ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ด้วยการเลือกแนวทางการศึกษาที่ใส่ใจในทุกมิติของชีวิตเด็กอย่างแท้จริง
https://montessori-ami.org/resource-library/videos/preparing-children-life-caring
ช่วยเด็ก ๆ ให้เติบโตไปพร้อมกับหัวใจที่เปิดกว้าง ความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และพลังที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ด้วยการเลือกแนวทางการศึกษาที่ใส่ใจในทุกมิติของชีวิตเด็กอย่างแท้จริง
https://montessori-ami.org/resource-library/videos/preparing-children-life-caring
โรงเรียนมอนเทสซอริทั้งหมดเหมือนกันหรือไม่?
โรงเรียนมอนเทสซอริมีความหลากหลาย เนื่องจากชื่อ “มอนเทสซอริ” เป็นสาธารณสมบัติ ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามสามารถใช้ชื่อนี้สำหรับโรงเรียนของตนได้ วิธีที่ดีที่สุดในการมั่นใจว่าโปรแกรมนั้นปฏิบัติตามแนวทางมอนเทสซอริอย่างแท้จริงคือการสอบถามว่าโรงเรียนหรือโปรแกรมนั้นได้รับการรับรองจาก AMI หรือไม่
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
เด็กทำอะไรในโปรแกรมมอนเทสซอริ?
ในห้องเรียนมอนเทสซอริ มีหลายพื้นที่การเรียนรู้ที่เชื่อมโยงกัน เช่น ทักษะชีวิตประจำวัน การพัฒนาประสาทสัมผัส ภาษา คณิตศาสตร์ ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม เช่น ภูมิศาสตร์ ศิลปะ และดนตรี เด็กจะได้รับบทเรียนทั้งแบบรายบุคคลและกลุ่ม และมีอิสระในการเลือกกิจกรรมที่สนใจ ซึ่งสนับสนุนความอยากรู้อยากเห็นและความต้องการเรียนรู้ตามธรรมชาติของเด็ก
ข้อดีของการมีเด็กต่างวัยคละอายุสามปีในห้องเรียนคืออะไร?
การมีเด็กต่างวัยคละอายุสามปีในห้องเรียนนั้นเปิดโอกาสให้เด็กได้ใช้อุปกรณ์การเรียนรู้ที่หลากหลายและท้าทายตามความสนใจที่เปลี่ยนแปลงไป นอกจากนี้ เด็กยังมีโอกาสเป็นทั้งผู้เรียนจากครูและผู้สอนเพื่อนและน้อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเป็นผู้นำและการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในห้องเรียน
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
การจัดการวินัยในห้องเรียนมอนเทสซอริเป็นอย่างไร?
การพัฒนาวินัยในตนเองเป็นสิ่งที่ได้รับการสนับสนุนและให้คุณค่า โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างและส่งเสริมการสำรวจ ความคิดสร้างสรรค์ และการเลือกภายในขอบเขตที่ชัดเจน เด็กจะเรียนรู้การควบคุมตนเองและทักษะการแก้ปัญหาที่ส่งเสริมความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
ทำไมบรรยากาศในโปรแกรมมอนเทสซอริถึงไม่เน้นการแข่งขัน ทั้งที่เราอยู่ในโลกที่มีการแข่งขันสูง?
ในโปรแกรมมอนเทสซอริ เด็กจะเดินทางตามเส้นทางของตนเองตามจังหวะของตนเองสู่ความเป็นผู้ใหญ่ การเน้นที่การสนับสนุนและส่งเสริมเด็กให้พัฒนาและเรียนรู้ตามความสนใจ ความต้องการ และจังหวะของตนเอง การใช้ระบบรางวัลในห้องเรียนจะเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กจากการเดินทางส่วนบุคคลของตน
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
เด็กมีปัญหาในการเปลี่ยนไปเรียนในโรงเรียนระบบปกติหลังจากเรียนในโรงเรียนมอนเทสซอริหรือไม่?
การย้ายจากโรงเรียนมอนเทสซอริไปยังสภาพแวดล้อมการเรียนรู้อื่นเป็นประเด็นที่ผู้ปกครองมักกังวล อย่างไรก็ตาม นิสัยและทักษะที่เด็กพัฒนาในห้องเรียนมอนเทสซอริจะคงอยู่ตลอดชีวิตและเป็นประโยชน์ไม่ว่าเด็กจะไปที่ใด เด็กมอนเทสซอริมักปรับตัวได้ดี ทำงานได้ทั้งคนเดียวและเป็นกลุ่ม มีทักษะการตัดสินใจที่มั่นคง ความสามารถในการแก้ปัญหา และจัดการเวลาของตนเองได้ดี
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
เด็กในโปรแกรมมอนเทสซอริเตรียมพร้อมสำหรับการสอบที่รัฐบาลกำหนด สอดคล้องกับหลักสูตรแห่งชาติหรือไม่?
ใช่ เด็กในโปรแกรมมอนเทสซอริต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของรัฐ และเป็นหน้าที่ของครูที่จะต้องมั่นใจว่านักเรียนพร้อมสำหรับการสอบตามหลักสูตรมาตรฐานของแต่ละประเทศ
เปรียบเทียบการศึกษาระหว่างระบบมอนเทสซอริและการศึกษากระแสหลัก
มอนเทสซอริคือแนวทางการเรียนรู้ที่เน้นพัฒนาการตามธรรมชาติของเด็กและส่งเสริมความเป็นตัวของตัวเอง แตกต่างจากระบบการศึกษาแบบดั้งเดิมในหลายด้าน เช่น:
หัวข้อ |
มอนเทสซอริ |
กระแสหลัก |
การเรียนรู้ |
เด็กเรียนรู้ด้วยตัวเองตามความสนใจ ผ่านสื่อการสอนที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ |
เด็กเรียนรู้ตามหลักสูตรที่กำหนดและสอนโดยครู |
ประสบการณ์ |
การเข้าใจเกิดจากการลงมือทำและการสำรวจด้วยตนเอง |
การเรียนจำกัดอยู่ในเนื้อหาที่ครูให้ |
สภาพแวดล้อมการเรียน |
ห้องเรียนออกแบบให้เด็กได้สำรวจและเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเชื่อมโยงระหว่างร่างกายและความคิด |
เด็กนั่งเรียนบนโต๊ะและทำงานจากกระดานหรือแบบฝึกหัด |
บทบาทของครู |
ครูทำงานร่วมกับเด็กแบบร่วมมือ |
ครูเป็นผู้นำการเรียนการสอน |
แรงจูงใจในการเรียน |
เด็กได้รับแรงจูงใจจากความสำเร็จส่วนตัว |
ใช้ระบบรางวัลและการลงโทษ |
โครงสร้างเวลา |
มีช่วงเวลาการทำงานที่ต่อเนื่อง |
มีตารางเวลาเป็นช่วงคาบ |
กลุ่มอายุในห้องเรียน |
ห้องเรียนมีเด็กต่างวัยร่วมกัน |
ห้องเรียนแยกตามอายุ |
พัฒนาการทางสังคม |
เน้นการเรียนรู้ควบคู่กับพัฒนาการทางสังคม |
ไม่มีการเน้นพัฒนาการทางสังคม |
มอนเทสซอริเปิดโอกาสให้เด็กพัฒนาตนเองตามธรรมชาติ ทั้งด้านร่างกาย ความคิด และจิตใจ
อ่านเพิ่มเติม
https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/ami-usa-montessori-vs-mainstream-1.pdf
อ่านเพิ่มเติม
https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/ami-usa-montessori-vs-mainstream-1.pdf
การพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมในเด็กพัฒนาการระนาบที่1และพัฒนาการระนาบที่ 2
โดย อัลลิน ทราวิส
การพัฒนาคุณธรรมเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก นั้นเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ กล่าวในหนังสือ The Absorbent Mind ว่า “เด็กในช่วงหลังคลอดจะซึมซับรูปแบบการใช้ชีวิตของสังคมรอบตัว และรูปแบบเหล่านี้จะกลายเป็นลักษณะถาวรเป็นเนื้อเป็นตัว เช่นเดียวกับภาษาแม่”
พัฒนาการระนาบที่1 : วัยแรกเริ่ม ปฐมวัย (0-6 ปี): การสร้างตนเอง
ในช่วงวัยแรก เด็กมุ่งเน้นการสร้างตนเองและต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาอิสระและการตัดสินใจที่ดี ผู้ใหญ่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนหรือขัดขวางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเด็ก
พัฒนาการระนาบที่2 วัยเด็ก (6-12 ปี): การพัฒนาสังคมและการใช้เหตุผล
เมื่อเด็กเข้าสู่พัฒนาการระนาบที่2 จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่น การเริ่มตั้งคำถาม “อย่างไร” “เมื่อไร” “ที่ไหน” และ “ทำไม” เด็กต้องการเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังข้อเท็จจริงและเริ่มสำรวจแนวคิดเชิงนามธรรม พวกเขาต้องการใช้ความสามารถในการใช้เหตุผลเพื่อสรุปเกี่ยวกับความถูกต้องและความผิดด้วยตนเอง
ความหมายของ “คุณธรรม”
คำว่า “คุณธรรม” มาจากภาษาละติน “moralis” หมายถึง “ขนบธรรมเนียม” สิ่งที่ถือว่ามีคุณธรรมแตกต่างกันไปตามกลุ่มและวัฒนธรรม การเรียนรู้คุณธรรมของสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวของเด็กเข้าสู่สังคม
ความต้องการความเป็นระเบียบและความรัก
ดร.อังเดร แบร์ก (Dr. André Berge) นักจิตแพทย์ชาวฝรั่งเศส อธิบายว่ามนุษย์ต้องการความเป็นระเบียบทั้งทางกายและจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานของปรากฏการณ์ทางคุณธรรม ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้บุคคลก้าวข้ามตนเองและมุ่งสู่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ส่วนตัว
การพัฒนาคุณธรรมในวัยเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องว่าคุณธรรมเริ่มพัฒนาในวัยเด็กและเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่คุณธรรมถูกเรียนรู้ หลักจริยธรรมถูกทดสอบ และความเชื่อทางศาสนาถูกสร้างขึ้น เด็กในวัยนี้สนใจในปัญหาทางคุณธรรมและต้องการเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำต่าง ๆ
บทบาทของผู้ใหญ่ในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม
ดร.มอนเทสซอริเชื่อว่าการบรรยาย การสั่งสอนเกี่ยวกับคุณธรรมมีประโยชน์น้อยมากสำหรับเด็ก และอาจมีผลเสีย เด็กต้องการใช้เหตุผลของตนเองในการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม ครูควรสนับสนุนการพัฒนานี้โดยไม่ใช้วิธีการสอนโดยตรง แต่ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการตัดสินใจด้วยตนเอง
การพัฒนาคุณธรรมในเด็กเป็นกระบวนการที่เริ่มต้นตั้งแต่ปฐมวัย พัฒนาการระนาบที่1 และดำเนินต่อไปตลอดชีวิต ผู้ใหญ่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนานี้โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการตัดสินใจด้วยตนเองของเด็ก
.
https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/amiusa-the-development-of-morality.pdf
การพัฒนาคุณธรรมเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็ก นั้นเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาในอนาคต ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ กล่าวในหนังสือ The Absorbent Mind ว่า “เด็กในช่วงหลังคลอดจะซึมซับรูปแบบการใช้ชีวิตของสังคมรอบตัว และรูปแบบเหล่านี้จะกลายเป็นลักษณะถาวรเป็นเนื้อเป็นตัว เช่นเดียวกับภาษาแม่”
พัฒนาการระนาบที่1 : วัยแรกเริ่ม ปฐมวัย (0-6 ปี): การสร้างตนเอง
ในช่วงวัยแรก เด็กมุ่งเน้นการสร้างตนเองและต้องการความช่วยเหลือในการพัฒนาอิสระและการตัดสินใจที่ดี ผู้ใหญ่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนหรือขัดขวางการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรมของเด็ก
พัฒนาการระนาบที่2 วัยเด็ก (6-12 ปี): การพัฒนาสังคมและการใช้เหตุผล
เมื่อเด็กเข้าสู่พัฒนาการระนาบที่2 จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน เช่น การเริ่มตั้งคำถาม “อย่างไร” “เมื่อไร” “ที่ไหน” และ “ทำไม” เด็กต้องการเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังข้อเท็จจริงและเริ่มสำรวจแนวคิดเชิงนามธรรม พวกเขาต้องการใช้ความสามารถในการใช้เหตุผลเพื่อสรุปเกี่ยวกับความถูกต้องและความผิดด้วยตนเอง
ความหมายของ “คุณธรรม”
คำว่า “คุณธรรม” มาจากภาษาละติน “moralis” หมายถึง “ขนบธรรมเนียม” สิ่งที่ถือว่ามีคุณธรรมแตกต่างกันไปตามกลุ่มและวัฒนธรรม การเรียนรู้คุณธรรมของสังคมเป็นส่วนหนึ่งของการปรับตัวของเด็กเข้าสู่สังคม
ความต้องการความเป็นระเบียบและความรัก
ดร.อังเดร แบร์ก (Dr. André Berge) นักจิตแพทย์ชาวฝรั่งเศส อธิบายว่ามนุษย์ต้องการความเป็นระเบียบทั้งทางกายและจิตใจ ซึ่งเป็นรากฐานของปรากฏการณ์ทางคุณธรรม ความรักเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยให้บุคคลก้าวข้ามตนเองและมุ่งสู่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ส่วนตัว
การพัฒนาคุณธรรมในวัยเด็ก
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเห็นพ้องว่าคุณธรรมเริ่มพัฒนาในวัยเด็กและเปลี่ยนแปลงตลอดชีวิต วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่คุณธรรมถูกเรียนรู้ หลักจริยธรรมถูกทดสอบ และความเชื่อทางศาสนาถูกสร้างขึ้น เด็กในวัยนี้สนใจในปัญหาทางคุณธรรมและต้องการเข้าใจเหตุผลเบื้องหลังการกระทำต่าง ๆ
บทบาทของผู้ใหญ่ในการพัฒนาคุณธรรมจริยธรรม
ดร.มอนเทสซอริเชื่อว่าการบรรยาย การสั่งสอนเกี่ยวกับคุณธรรมมีประโยชน์น้อยมากสำหรับเด็ก และอาจมีผลเสีย เด็กต้องการใช้เหตุผลของตนเองในการพัฒนาคุณธรรมและจริยธรรม ครูควรสนับสนุนการพัฒนานี้โดยไม่ใช้วิธีการสอนโดยตรง แต่ควรสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการตัดสินใจด้วยตนเอง
การพัฒนาคุณธรรมในเด็กเป็นกระบวนการที่เริ่มต้นตั้งแต่ปฐมวัย พัฒนาการระนาบที่1 และดำเนินต่อไปตลอดชีวิต ผู้ใหญ่มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนานี้โดยการสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้และการตัดสินใจด้วยตนเองของเด็ก
.
https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/amiusa-the-development-of-morality.pdf
ฟรี บัตรภาพ และบัตรคำศัพท์จำแนกประเภท Free Classified Cards
ฟรี บัตรภาพ และบัตรคำศัพท์จำแนกประเภท เป็นชุดภาพที่แสดงและจัดหมวดหมู่สิ่งต่าง ๆ รอบตัวเด็ก หากคุณมีเครื่องพิมพ์ ควรพิมพ์และตัดการ์ดออกมาเพื่อใช้งาน นอกจากนี้ เรายังมีเวอร์ชันสำหรับใช้งานผ่านหน้าจอเพื่อความสะดวก
เมื่อคุณเรียกดูบัตรภาพต่าง ๆ บางชุดอาจเหมาะสมกับวัฒนธรรมของคุณมากกว่าชุดอื่น ๆ คุณสามารถเลือกนำไปใช้งาน ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ทาง AMI กำลังพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเพิ่มบัตรภาพที่ตรงกับวัฒนธรรมอันหลากหลาย และยินดีรับคำแนะนำต่างๆ นอกจากนี้ เรายังทำงานเพื่อแปลสิ่งเหล่านี้เป็นภาษาต่าง ๆ ให้มากที่สุด และได้รวมแม่แบบการแปลไว้ในแต่ละชุดของบัตรภาพจำแนกประเภท หากคุณมีการนำไปแปลเป็นภาษาของคุณ โปรดส่งอีเมลมาที่ [email protected]
คุณสามารถเข้าไปตามลิงก์ และเลือกบัตรภาพในภาษาที่ต้องการ และสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์การ์ดเหล่านี้เพื่อใช้ในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้ที่ AMI Digital
https://montessoridigital.org/node/7514
เมื่อคุณเรียกดูบัตรภาพต่าง ๆ บางชุดอาจเหมาะสมกับวัฒนธรรมของคุณมากกว่าชุดอื่น ๆ คุณสามารถเลือกนำไปใช้งาน ตามความเหมาะสม ทั้งนี้ทาง AMI กำลังพัฒนาเว็บไซต์เพื่อเพิ่มบัตรภาพที่ตรงกับวัฒนธรรมอันหลากหลาย และยินดีรับคำแนะนำต่างๆ นอกจากนี้ เรายังทำงานเพื่อแปลสิ่งเหล่านี้เป็นภาษาต่าง ๆ ให้มากที่สุด และได้รวมแม่แบบการแปลไว้ในแต่ละชุดของบัตรภาพจำแนกประเภท หากคุณมีการนำไปแปลเป็นภาษาของคุณ โปรดส่งอีเมลมาที่ [email protected]
คุณสามารถเข้าไปตามลิงก์ และเลือกบัตรภาพในภาษาที่ต้องการ และสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์การ์ดเหล่านี้เพื่อใช้ในการเรียนรู้ของเด็ก ๆ ได้ที่ AMI Digital
https://montessoridigital.org/node/7514
ทําไมต้องเลือกการศึกษาแบบมอนเทสซอริสําหรับลูกของเรา
การศึกษามอนเทสซอริมุ่งเน้นการพัฒนาเด็กทั้งทางร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นบุคคลที่มีความสามารถ ผลิตผล และมีความสุข สามารถสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับโลกใบนี้
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ ผู้ก่อตั้งแนวทางการศึกษานี้ เชื่อมั่นในพลังของการศึกษาเพื่อการปฏิรูปสังคม และได้สนับสนุนสิทธิของเด็กตลอดชีวิตของเธอ
ปัจจุบัน Association Montessori Internationale (AMI) ซึ่งก่อตั้งโดยดร.มอนเทสซอริเมื่อกว่า 90 ปีที่แล้ว ยังคงสืบสานงานของเธอ โดยร่วมมือกับศูนย์ฝึกอบรม สมาคมที่เกี่ยวข้อง โรงเรียน และนักการศึกษา เพื่อนำการศึกษามอนเทสซอริไปสู่ชุมชนทั่วโลก
ในเดือนมีนาคม 2020 BBC StoryWorks ได้ถ่ายทำการศึกษามอนเทสซอริในโรงเรียนสองแห่งที่มินนิโซตา สหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการศึกษามอนเทสซอริสนับสนุนชุมชนอย่างไร จากวีดิโอนี้ (https://youtu.be/0lBh4GG_eBA)
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ ผู้ก่อตั้งแนวทางการศึกษานี้ เชื่อมั่นในพลังของการศึกษาเพื่อการปฏิรูปสังคม และได้สนับสนุนสิทธิของเด็กตลอดชีวิตของเธอ
ปัจจุบัน Association Montessori Internationale (AMI) ซึ่งก่อตั้งโดยดร.มอนเทสซอริเมื่อกว่า 90 ปีที่แล้ว ยังคงสืบสานงานของเธอ โดยร่วมมือกับศูนย์ฝึกอบรม สมาคมที่เกี่ยวข้อง โรงเรียน และนักการศึกษา เพื่อนำการศึกษามอนเทสซอริไปสู่ชุมชนทั่วโลก
ในเดือนมีนาคม 2020 BBC StoryWorks ได้ถ่ายทำการศึกษามอนเทสซอริในโรงเรียนสองแห่งที่มินนิโซตา สหรัฐอเมริกา แสดงให้เห็นว่าการศึกษามอนเทสซอริสนับสนุนชุมชนอย่างไร จากวีดิโอนี้ (https://youtu.be/0lBh4GG_eBA)
ปรัชญามอนเทสซอริ
ปรัชญาการศึกษามอนเทสซอริถูกพัฒนาโดยดร.มาเรีย มอนเทสซอริ แพทย์หญิงชาวอิตาลีคนแรก เธอได้พัฒนาวิธีการนี้ผ่านการสังเกตเด็กทั่วโลกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ จากการสังเกตเหล่านี้ ดร.มอนเทสซอริพบแนวโน้มและลักษณะที่พัฒนาโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นพื้นฐานในการสร้างสภาพแวดล้อมที่เตรียมไว้อย่างเหมาะสม เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาศักยภาพของเด็กอย่างเต็มที่
แม้ว่าวิธีการสอนทุกแบบจะกระตุ้นการเรียนรู้ได้ แต่สิ่งที่ทำให้มอนเทสซอริแตกต่างคือวิธีการของมอนเทสซอริ จิตใจของเด็กเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับทุกสิ่ง พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เป้าหมายหลักของการศึกษามอนเทสซอริคือการเปลี่ยนประกายความสนใจนั้นให้เป็นเปลวไฟแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ลองจินตนาการถึงโรงเรียนที่…
เหตุใดมอนเทสซอริจึงได้ผล
หลักการสำคัญเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การศึกษามอนเทสซอริประสบความสำเร็จ:
หากต้องการดูตารางเปรียบเทียบลักษณะสำคัญระหว่างการศึกษามอนเทสซอริและการศึกษาแบบดั้งเดิม สามารถคลิกที่นี่ https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/ami-usa-montessori-vs-mainstream-1.pdf
การศึกษามอนเทสซอริได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ของเด็ก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยที่สนับสนุนการศึกษามอนเทสซอริ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา
อ้างอิง:https://amiusa.org/about/montessori-philosophy/
แม้ว่าวิธีการสอนทุกแบบจะกระตุ้นการเรียนรู้ได้ แต่สิ่งที่ทำให้มอนเทสซอริแตกต่างคือวิธีการของมอนเทสซอริ จิตใจของเด็กเปรียบเสมือนฟองน้ำที่ดูดซับทุกสิ่ง พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่อยู่เสมอ เป้าหมายหลักของการศึกษามอนเทสซอริคือการเปลี่ยนประกายความสนใจนั้นให้เป็นเปลวไฟแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ลองจินตนาการถึงโรงเรียนที่…
- มองว่าการศึกษาไม่ใช่เพียงวิธีการไปสู่จุดหมาย แต่เป็นการช่วยเหลือชีวิต
- วิธีการเรียนรู้ไม่ได้มาจากหลักสูตร แต่จากการพัฒนาตามธรรมชาติของเด็ก
- สถานที่ที่ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และความเป็นปัจเจกบุคคลมีคุณค่าเทียบเท่ากับสมาธิ แรงจูงใจ และความพยายาม
- ที่ที่ลูกของคุณไม่ใช่เพียงนักเรียน แต่ยังเป็นครูด้วย
เหตุใดมอนเทสซอริจึงได้ผล
หลักการสำคัญเหล่านี้มีส่วนช่วยให้การศึกษามอนเทสซอริประสบความสำเร็จ:
- การเรียนรู้หลายรูปแบบ – การเรียนรู้เกิดขึ้นผ่านการเคลื่อนไหว การสัมผัส การมองเห็น และการได้ยิน
- ห้องเรียนที่มีเด็กต่างวัย – การจัดกลุ่มเด็กต่างวัยตามช่วงพัฒนาการ ช่วยให้พวกเขาเรียนรู้จากเด็กที่อายุมากกว่าและน้อยกว่า และยังสร้าง “ช่วงความมั่นใจ” ในการเรียนรู้ โดยเด็กจะไม่ถูกติดป้ายว่าล้าหลังหรือเก่งเกินไป เพียงเพราะพวกเขาเข้าใจแนวคิดก่อนหรือหลังเพื่อนวัยเดียวกันเล็กน้อย
- การสังเกต – การสังเกตเด็กเผยให้เห็นเวลาที่เหมาะสมในการนำเสนอข้อมูลและประสบการณ์ใหม่ ทั้งในด้านวิชาการ สังคม และส่วนบุคคล
- การพัฒนาตามวัย – ความตระหนักถึงความต้องการและความสามารถในช่วงเวลาพัฒนาที่เฉพาะเจาะจง ช่วยให้เด็กมีส่วนร่วมและเรียนรู้อย่างเต็มที่
- ชุมชนในห้องเรียน – ประสบการณ์ในห้องเรียนควรสร้างขึ้นบนความต้องการของเด็กเล็กในการควบคุมสภาพแวดล้อมของตนเอง ชุมชนในห้องเรียนจึงควรมุ่งเน้นที่เด็กเป็นศูนย์กลางมากกว่าผู้ใหญ่
- สื่อการเรียนรู้ – การใช้สื่อที่แก้ไขได้ด้วยตนเอง ช่วยให้เด็กสามารถจัดการและสำรวจตามจังหวะของตนเอง สร้างความพึงพอใจและพัฒนาความมั่นใจในตนเองเมื่อประสบความสำเร็จ
หากต้องการดูตารางเปรียบเทียบลักษณะสำคัญระหว่างการศึกษามอนเทสซอริและการศึกษาแบบดั้งเดิม สามารถคลิกที่นี่ https://amiusa.org/wp-content/uploads/2019/07/ami-usa-montessori-vs-mainstream-1.pdf
การศึกษามอนเทสซอริได้รับการสนับสนุนจากงานวิจัยที่แสดงให้เห็นถึงประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ของเด็ก หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานวิจัยที่สนับสนุนการศึกษามอนเทสซอริ สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของเรา
อ้างอิง:https://amiusa.org/about/montessori-philosophy/
พัฒนาการของเด็กตามแนวทางมอนเทสซอริ
แนวทางการศึกษามอนเทสซอริมีพื้นฐานอยู่บน “สี่ระนาบพัฒนาการ” (Four Planes of Development) ซึ่งแต่ละช่วงมีลักษณะและความต้องการเฉพาะตัว การเตรียมสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมกับแต่ละช่วงจะช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ได้อย่างเต็มที่
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ กล่าวว่า:
“ข้าพเจ้าได้พบว่าในการพัฒนา เด็กจะผ่านช่วงต่าง ๆ ซึ่งแต่ละช่วงมีความต้องการเฉพาะตัว ลักษณะของแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกันมากจนการเปลี่ยนผ่านจากช่วงหนึ่งไปยังอีกช่วงหนึ่งถูกอธิบายโดยนักจิตวิทยาบางคนว่าเป็น ‘การเกิดใหม่’”
ระนาบที่หนึ่ง (แรกเกิดถึง 6 ปี): “นั่นคืออะไร?”
ในช่วงนี้ เด็กมีความไวพิเศษที่ทำให้พวกเขาดูดซับทุกสิ่งรอบตัว เป็นการปรับตัวเข้ากับชีวิตผ่านพลังที่ไม่รู้ตัวที่มีอยู่ในวัยเด็ก ช่วงแรกของชีวิตเด็กจึงเป็นช่วงของการปรับตัว
ลักษณะของระนาบที่หนึ่ง:
ระนาบที่สอง (6 ถึง 12 ปี): “ทำไม? หรือ อย่างไร?”
ในช่วงนี้ ควรให้เด็กเห็นภาพรวมของจักรวาล ซึ่งเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่และเป็นคำตอบสำหรับทุกคำถาม เราจะเดินไปด้วยกันบนเส้นทางชีวิตนี้ เพราะทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลและเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว
ลักษณะของช่วงที่สอง:
ระนาบที่สาม (12 ถึง 18 ปี): “ฉันคือใคร?”
วัยรุ่นไม่ควรถูกปฏิบัติเหมือนเด็ก เพราะนั่นเป็นช่วงชีวิตที่พวกเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ลักษณะของช่วงที่สาม:
ระนาบที่สี่ (18 ถึง 24 ปี): “บทบาทของฉันในโลกคืออะไร?”
ในช่วงนี้ บุคคลจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเส้นทางชีวิตของตนเองและหาบทบาทในสังคม
ลักษณะของช่วงที่สี่:
การเข้าใจและสนับสนุนพัฒนาการในแต่ละช่วงเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมดุลและมีความสุข
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/childs-development/
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ กล่าวว่า:
“ข้าพเจ้าได้พบว่าในการพัฒนา เด็กจะผ่านช่วงต่าง ๆ ซึ่งแต่ละช่วงมีความต้องการเฉพาะตัว ลักษณะของแต่ละช่วงนั้นแตกต่างกันมากจนการเปลี่ยนผ่านจากช่วงหนึ่งไปยังอีกช่วงหนึ่งถูกอธิบายโดยนักจิตวิทยาบางคนว่าเป็น ‘การเกิดใหม่’”
ระนาบที่หนึ่ง (แรกเกิดถึง 6 ปี): “นั่นคืออะไร?”
ในช่วงนี้ เด็กมีความไวพิเศษที่ทำให้พวกเขาดูดซับทุกสิ่งรอบตัว เป็นการปรับตัวเข้ากับชีวิตผ่านพลังที่ไม่รู้ตัวที่มีอยู่ในวัยเด็ก ช่วงแรกของชีวิตเด็กจึงเป็นช่วงของการปรับตัว
ลักษณะของระนาบที่หนึ่ง:
- เป็นช่วงของการสร้างทั้งร่างกายและจิตใจ
- ต้องการความรักและการปกป้อง
- จิตใจยังไม่สามารถเลือกเองได้
- ปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมรอบตัว
- พัฒนาความสามารถในการสื่อสารอย่างเป็นทางการ
- พัฒนาการเคลื่อนไหวที่ประสานกัน
- การเคลื่อนไหวทางกายภาพที่เกิดขึ้นเอง
- การใช้ประสาทสัมผัสมีความสำคัญ
- ทำงานคนเดียวหรือขนานกัน
- ต้องการงานที่มีเป้าหมาย
ระนาบที่สอง (6 ถึง 12 ปี): “ทำไม? หรือ อย่างไร?”
ในช่วงนี้ ควรให้เด็กเห็นภาพรวมของจักรวาล ซึ่งเป็นความจริงที่ยิ่งใหญ่และเป็นคำตอบสำหรับทุกคำถาม เราจะเดินไปด้วยกันบนเส้นทางชีวิตนี้ เพราะทุกสิ่งเป็นส่วนหนึ่งของจักรวาลและเชื่อมโยงกันเป็นหนึ่งเดียว
ลักษณะของช่วงที่สอง:
- ศักยภาพสูงสุดสำหรับการพัฒนาทางปัญญา
- ค่อนข้างสงบและมั่นคง
- การหายไปของลักษณะทารกบนร่างกายและใบหน้า
- ฟันหลุด
- แข็งแรงขึ้นและป่วยน้อยลง
- พร้อมที่จะย้ายจากการเรียนรู้เชิงรูปธรรมไปสู่เชิงนามธรรม
- ใช้จินตนาการ
- ต้องการความเป็นระเบียบภายในมากกว่าภายนอก
- ชอบการผจญภัย
- มีความรู้สึกยุติธรรม
- สังคม; มี “สัญชาตญาณฝูง”
- งานใหญ่
- ชื่นชม “ฮีโร่”
ระนาบที่สาม (12 ถึง 18 ปี): “ฉันคือใคร?”
วัยรุ่นไม่ควรถูกปฏิบัติเหมือนเด็ก เพราะนั่นเป็นช่วงชีวิตที่พวกเขาได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ลักษณะของช่วงที่สาม:
- การพัฒนาบุคลิกภาพและอัตลักษณ์
- การเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและอารมณ์
- แสวงหาความเป็นอิสระและความรับผิดชอบ
- ต้องการการยอมรับจากสังคม
- พัฒนาความคิดเชิงนามธรรมและการวิเคราะห์
- สำรวจความสนใจและความหลงใหลของตนเอง
ระนาบที่สี่ (18 ถึง 24 ปี): “บทบาทของฉันในโลกคืออะไร?”
ในช่วงนี้ บุคคลจะมุ่งเน้นไปที่การสร้างเส้นทางชีวิตของตนเองและหาบทบาทในสังคม
ลักษณะของช่วงที่สี่:
- การสร้างอาชีพและความมั่นคงทางการเงิน
- การสร้างความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน
- การมีส่วนร่วมในชุมชนและสังคม
- การพัฒนาความเป็นผู้นำ
- การแสวงหาความหมายและจุดมุ่งหมายในชีวิต
การเข้าใจและสนับสนุนพัฒนาการในแต่ละช่วงเหล่านี้จะช่วยให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสมดุลและมีความสุข
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/childs-development/
นำแนวทางมอนเทสซอริสู่บ้านของเรา: สร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของลูกน้อย
การศึกษามอนเทสซอริเน้นความร่วมมือระหว่างเด็ก ผู้ปกครอง และครู เปรียบเสมือนสามเหลี่ยมด้านเท่าที่ทุกด้านมีความสำคัญและเชื่อมโยงกัน บทบาทของผู้ปกครองคือการสร้างสภาพแวดล้อมที่บ้านที่สอดคล้องกับการเรียนรู้ในห้องเรียน เพื่อสนับสนุนพัฒนาการของลูกอย่างเต็มที่
ทำไมบทบาทของครอบครัวจึงสำคัญ
งานวิจัยจาก National Committee for Citizens in Education พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเด็กในโรงเรียนมากที่สุด ไม่ใช่รายได้หรือสถานะทางสังคม แต่คือ:
เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของลูก ผู้ปกครองควร:
พลังของครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การที่ผู้ปกครองและครูเข้าใจบทบาทของกันและกัน และร่วมมือกัน จะช่วยสนับสนุนพัฒนาการของเด็กได้อย่างเต็มที่
ทรัพยากรสำหรับครอบครัว
📚 อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กในแบบมอนเทสซอริได้ที่นี่:
AMI USA - Montessori in The Home: https://amiusa.org/families/montessori-in-the-home/
ทำไมบทบาทของครอบครัวจึงสำคัญ
งานวิจัยจาก National Committee for Citizens in Education พบว่า ปัจจัยที่ส่งผลต่อความสำเร็จของเด็กในโรงเรียนมากที่สุด ไม่ใช่รายได้หรือสถานะทางสังคม แต่คือ:
- การสร้างสภาพแวดล้อมที่บ้านที่ส่งเสริมการสำรวจและการเรียนรู้
- การแสดงความคาดหวังที่สูง (แต่ไม่เกินจริง) ต่อความสำเร็จและอนาคตของลูก
- การมีส่วนร่วมในกิจกรรมการศึกษาของลูกทั้งที่โรงเรียนและในชุมชน
เพื่อสนับสนุนการเรียนรู้ของลูก ผู้ปกครองควร:
- ศึกษาและทำความเข้าใจหลักการมอนเทสซอริ
- สังเกตพฤติกรรมของลูกทั้งที่บ้านและโรงเรียน
- ร่วมมือกับครูในการวางแผนการศึกษา
- เข้าร่วมการบรรยายสำหรับผู้ปกครอง
- ประชุมผู้ปกครอง-ครู
- เข้าร่วมกิจกรรมเปิดบ้าน
- สังเกตการเรียนการสอนในห้องเรียน
- อ่านหนังสือของมาเรีย มอนเทสซอริ
- เข้าร่วมกลุ่มสนทนาที่นำโดยครู
พลังของครอบครัวมีความสำคัญอย่างยิ่ง
การที่ผู้ปกครองและครูเข้าใจบทบาทของกันและกัน และร่วมมือกัน จะช่วยสนับสนุนพัฒนาการของเด็กได้อย่างเต็มที่
ทรัพยากรสำหรับครอบครัว
- พัฒนาการของลูกน้อย: เข้าใจขั้นตอนพัฒนาการตามแนวทางมอนเทสซอริ
- ครูมอนเทสซอริ: บทบาทและวิธีการสอนที่แตกต่าง
- ห้องเรียนมอนเทสซอริ: สภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้
- การเลือกชุมชนโรงเรียน: คำแนะนำในการเลือกโรงเรียนที่เหมาะสม
- ทรัพยากรสำหรับครอบครัว: แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
- คำถามที่พบบ่อยสำหรับครอบครัว: คำตอบสำหรับข้อสงสัยทั่วไป
📚 อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับพัฒนาการเด็กในแบบมอนเทสซอริได้ที่นี่:
AMI USA - Montessori in The Home: https://amiusa.org/families/montessori-in-the-home/
การศึกษามอนเทสซอริและธรรมชาติสำหรับเด็กพิเศษ
ผู้เขียน: Nimal Vaz
บทความนี้เน้นถึงความสำคัญของการศึกษามอนเทสซอริในการพัฒนาเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยเชื่อมโยงธรรมชาติให้เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ แนวคิดหลักมีดังนี้:
ความเข้าใจเรื่องเด็กพิเศษ
คำว่า “เด็กพิเศษ” หมายถึงเด็กที่ต้องการการศึกษาเฉพาะทาง เนื่องจากพัฒนาการที่แตกต่างจากเกณฑ์เฉลี่ย เช่น เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ เด็กออทิสติก หรือเด็กที่มีพรสวรรค์ โดยการศึกษามอนเทสซอริให้ความสำคัญกับการมองว่าเด็กคือ “เด็กคนหนึ่ง” ก่อนที่จะมองถึงความพิเศษของเขา
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ เริ่มต้นพัฒนาแนวทางการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษตั้งแต่ปี 1898 โดยใช้วิธีการที่ช่วยให้เด็กพัฒนาบุคลิกภาพและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของธรรมชาติ
ธรรมชาติเป็น “ครู” ที่สำคัญสำหรับเด็ก เพราะช่วยให้เด็กเข้าใจโลกผ่านประสบการณ์ตรง เช่น:
การผสมผสานธรรมชาติกับการเรียนรู้ในมอนเทสซอริ
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
มอนเทสซอริเชื่อว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ เด็กควรมีโอกาสสำรวจธรรมชาติ และใช้เครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ เช่น:
อ้างอิง:
Vaz, N. (2013). Montessori Special Education and Nature’s Playground. The NAMTA Journal, 38(1), 71-79. Retrieved from https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1077974.pdf
บทความนี้เน้นถึงความสำคัญของการศึกษามอนเทสซอริในการพัฒนาเด็ก โดยเฉพาะเด็กที่มีความต้องการพิเศษ โดยเชื่อมโยงธรรมชาติให้เป็นส่วนสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ แนวคิดหลักมีดังนี้:
ความเข้าใจเรื่องเด็กพิเศษ
คำว่า “เด็กพิเศษ” หมายถึงเด็กที่ต้องการการศึกษาเฉพาะทาง เนื่องจากพัฒนาการที่แตกต่างจากเกณฑ์เฉลี่ย เช่น เด็กที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ เด็กออทิสติก หรือเด็กที่มีพรสวรรค์ โดยการศึกษามอนเทสซอริให้ความสำคัญกับการมองว่าเด็กคือ “เด็กคนหนึ่ง” ก่อนที่จะมองถึงความพิเศษของเขา
ดร.มาเรีย มอนเทสซอริ เริ่มต้นพัฒนาแนวทางการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษตั้งแต่ปี 1898 โดยใช้วิธีการที่ช่วยให้เด็กพัฒนาบุคลิกภาพและความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของธรรมชาติ
ธรรมชาติเป็น “ครู” ที่สำคัญสำหรับเด็ก เพราะช่วยให้เด็กเข้าใจโลกผ่านประสบการณ์ตรง เช่น:
- การสังเกตรังมด
- การเดินสำรวจธรรมชาติ
- การเรียนรู้เกี่ยวกับใบไม้ ดอกไม้ และสัตว์
การผสมผสานธรรมชาติกับการเรียนรู้ในมอนเทสซอริ
- การพัฒนาทักษะชีวิต
กิจกรรมในธรรมชาติ เช่น การขุดดิน เก็บใบไม้ หรือรดน้ำต้นไม้ ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อ ความคล่องตัว และการประสานงานของร่างกาย - การเรียนรู้ผ่านประสาทสัมผัส
เด็กสามารถเรียนรู้เรื่องสี เสียง กลิ่น และสัมผัสจากธรรมชาติ เช่น การฟังเสียงนก หรือการสัมผัสหญ้าเปียกน้ำค้าง - คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์
การนับใบไม้ วัดเงาของต้นไม้ หรือการสังเกตการเติบโตของพืช ช่วยให้เด็กเข้าใจแนวคิดทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์อย่างเป็นธรรมชาติ - การเรียนภาษา
การเรียนรู้คำศัพท์ใหม่จากธรรมชาติ เช่น ชื่อของพืชและสัตว์ ช่วยเพิ่มทักษะการสื่อสารและจินตนาการ
การสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
มอนเทสซอริเชื่อว่าสภาพแวดล้อมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการเรียนรู้ เด็กควรมีโอกาสสำรวจธรรมชาติ และใช้เครื่องมือที่ช่วยเสริมสร้างประสบการณ์ เช่น:
- โต๊ะทำงานกลางแจ้ง
- กล่องอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
- พื้นที่สำหรับการเล่นและสำรวจ
อ้างอิง:
Vaz, N. (2013). Montessori Special Education and Nature’s Playground. The NAMTA Journal, 38(1), 71-79. Retrieved from https://files.eric.ed.gov/fulltext/EJ1077974.pdf
เด็กทำอะไรในโปรแกรมมอนเทสซอริ?
ในห้องเรียนมอนเทสซอริ เด็กจะได้เรียนรู้ผ่านพื้นที่การเรียนรู้ที่หลากหลายแต่เชื่อมโยงกันอย่างบูรณาการ ซึ่งประกอบด้วย:
นอกจากอุปกรณ์การเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่แล้ว เด็ก ๆ อาจมีกิจกรรมเพิ่มเติมในระหว่างวัน เช่น ร้องเพลง ฟังนิทาน หรือสำรวจธรรมชาติ
รูปแบบการเรียนรู้ในมอนเทสซอริ
สิ่งที่คุณจะไม่พบในโปรแกรมมอนเทสซอริ
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
- ทักษะชีวิตประจำวัน (Practical Life Skills): เช่น การดูแลตัวเอง การช่วยเหลือผู้อื่น และการดูแลสิ่งแวดล้อม
- พัฒนาประสาทสัมผัส (Sensorial Development): การเรียนรู้ผ่านการสัมผัส การมองเห็น การได้ยิน การดมกลิ่น และการลิ้มรส
- ภาษา (Language): การพัฒนาทักษะการพูด การอ่าน และการเขียน
- คณิตศาสตร์ (Mathematics): การเรียนรู้ผ่านการนับ การวัด และการคำนวณ
- ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และการศึกษาวัฒนธรรม (History, Science, and Cultural Studies): รวมถึงภูมิศาสตร์ ศิลปะ และดนตรี
นอกจากอุปกรณ์การเรียนรู้ในแต่ละพื้นที่แล้ว เด็ก ๆ อาจมีกิจกรรมเพิ่มเติมในระหว่างวัน เช่น ร้องเพลง ฟังนิทาน หรือสำรวจธรรมชาติ
รูปแบบการเรียนรู้ในมอนเทสซอริ
- เด็กจะมีทั้งบทเรียนแบบเดี่ยวและแบบกลุ่มในแต่ละพื้นที่การเรียนรู้
- ตลอดทั้งวัน เด็กมีอิสระที่จะเลือกกิจกรรมที่สนใจ ซึ่งช่วยส่งเสริมความอยากรู้อยากเห็นตามธรรมชาติและความปรารถนาที่จะเรียนรู้
สิ่งที่คุณจะไม่พบในโปรแกรมมอนเทสซอริ
- ระบบรางวัลและการลงโทษ: ห้องเรียนมอนเทสซอริไม่ใช้ระบบนี้เพื่อส่งเสริมการทำงานหรือควบคุมพฤติกรรม
- ในมอนเทสซอริ เด็ก ๆ มีความกระตือรือร้น มีส่วนร่วม และแสดงความเคารพ เพราะพวกเขามีแรงจูงใจจากภายใน (Internal Motivation)
- สภาพแวดล้อมในห้องเรียนช่วยพัฒนาความตั้งใจที่ดีและการควบคุมตนเองของเด็กอย่างต่อเนื่อง
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
ข้อดีของการมีช่วงอายุสามปีในห้องเรียนมอนเทสซอริ
ในห้องเรียนมอนเทสซอริ เด็ก ๆ มีความหลากหลายทั้งในด้านประสบการณ์ ทักษะ ความสามารถ และความสนใจ การมีช่วงอายุสามปีในห้องเรียนมีข้อดีดังนี้:
ผลลัพธ์ที่ได้
การมีช่วงอายุสามปีในห้องเรียนสร้างประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เด็กที่โตกว่าจะได้พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำและการช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่เด็กที่อายุน้อยกว่าได้รับการสนับสนุนและแรงบันดาลใจจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
นี่คือแนวทางที่ทำให้ห้องเรียนมอนเทสซอริเป็นสถานที่ที่ทุกคนได้พัฒนาตนเองและสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ร่วมกันอย่างแท้จริง!
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/
- โอกาสในการเรียนรู้ที่หลากหลาย
เด็ก ๆ สามารถเข้าถึงอุปกรณ์การเรียนที่หลากหลาย ซึ่งออกแบบมาเพื่อกระตุ้นการเรียนรู้และความท้าทายที่เหมาะสมกับระดับของพวกเขา เมื่อความสนใจของเด็กเปลี่ยนไป พวกเขาสามารถเปลี่ยนไปใช้อุปกรณ์ที่ซับซ้อนขึ้นได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้เด็กพัฒนาความคิดและทักษะไปตามศักยภาพของตนเอง - การเป็นทั้งผู้เรียนและผู้สอน
* เด็กที่อายุน้อยกว่าได้เรียนรู้จากเด็กที่โตกว่าผ่านการสังเกตและได้รับคำแนะนำ ซึ่งช่วยให้พวกเขาได้รับความช่วยเหลือที่มีคุณค่า
* เด็กที่โตกว่าได้ฝึกทักษะการเป็นผู้นำโดยช่วยสอนหรือแนะนำเด็กที่อายุน้อยกว่า การสอนผู้อื่นช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในเนื้อหาและทักษะของตัวเอง - การพัฒนาความสัมพันธ์และความมั่นใจ
เด็กทุกคนในห้องเรียนมีโอกาสที่จะ:
* รู้สึกถึงความสำเร็จ จากการช่วยเหลือผู้อื่น
* สร้างความสัมพันธ์ ที่ดีระหว่างเพื่อนร่วมชั้นที่มีอายุและประสบการณ์ต่างกัน
* พัฒนาความมั่นใจ ในตัวเองเมื่อสามารถช่วยเหลือผู้อื่นหรือได้รับคำแนะนำอย่างเหมาะสม
ผลลัพธ์ที่ได้
การมีช่วงอายุสามปีในห้องเรียนสร้างประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย เด็กที่โตกว่าจะได้พัฒนาทักษะการเป็นผู้นำและการช่วยเหลือผู้อื่น ในขณะที่เด็กที่อายุน้อยกว่าได้รับการสนับสนุนและแรงบันดาลใจจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญมากกว่า
นี่คือแนวทางที่ทำให้ห้องเรียนมอนเทสซอริเป็นสถานที่ที่ทุกคนได้พัฒนาตนเองและสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ร่วมกันอย่างแท้จริง!
อ้างอิง: https://amiusa.org/families/faqs-for-families/